คุณสมบัติไม่ครบ ไม่ตรงตามประกาศงาน จะสมัครงานได้หรือไม่
เช็คลิสต์ เวลาสมัครงานคุณมีความเชื่อผิดๆ แบบนี้อยู่หรือเปล่า
❌ ต้องสมัครเฉพาะงานที่คุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครทั้งหมดเท่านั้น
❌ คุณสมบัติไม่ตรงแม้เพียงน้อยนิด ก็แอบคิดว่างานนี้ไม่ใช่งานของเรา
❌ สมัครไปก็เท่านั้น เสียเวลาทั้งเราและ HR
❌ เห็นแล้วน่าทำนะ แต่เขาคงไม่เอาเราหรอก..ก็เรามันประสบการณ์น้อย
❌ โห ตำแหน่งงานตั้ง Senior ความสามารถเราไม่ถึงหรอก
เชื่อหรือไม่ว่า ผู้สมัครหลายคนพลาดโอกาสในการได้ทำงานไปอย่างน่าเสียดายเพียงเพราะความคิดของพวกเขาเอง (คิดไปเอง) จริงอยู่ที่ว่า ยิ่งคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครงานมากเท่าไหร่ แนวโน้มในการได้งานนั้นก็จะยิ่งมีสูงขึ้น จึงทำให้เราตัดสินใจสมัครงานเฉพาะตำแหน่งที่เรารู้สึก ‘มั่นใจ’ ว่าจะได้เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง ประกาศรับสมัครงานหลายตำแหน่งถูกเขียนไว้เป็นไกด์ไลน์ในการตามหาแคนดิเดตที่ใช่ ซึ่งไม่ได้ลงเอยด้วยการจ้างงานผู้สมัครที่ตรงตามประกาศเป๊ะๆ นั่นหมายความว่า HR มีแนวโน้มในการเขียน Job Description ที่เกินกว่าความต้องการจริงของพวกเขาไว้ก่อน เพื่อดูผลตอบรับจากผู้เข้าสมัครในภาพรวม ถ้าโปรไฟล์ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติไม่ถึงกฏเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ อาจตีความได้ว่า Requirement ที่พวกเขาต้องการนั้น ‘เป็นไปไม่ได้ (Unrealistic)’ พวกเขาก็จะยอมลดความคาดหวังลงมาอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น
ดังนั้น จงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ความสามารถของคุณจะดีพอหรือไม่ ให้บริษัทนั้นๆ เป็นคนตัดสิน…ไม่ใช่คิดเอง เออเอง ว่าคุณไม่เก่งพอ
เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ
เข้าใจในข้อจำกัดของตัวเอง
ในการสมัครงานที่คุณสมบัติไม่ครบ ควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่ HR มักใช้พิจารณาอย่างประสบการณ์และคุณสมบัติเฉพาะด้าน (Technical Skills) คือ ไม่สมัครงานที่เกินตัวไปมาก ยกตัวอย่างเช่น เพิ่งเรียนจบมาและไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยแต่สมัครงานในตำแหน่งซีเนียร์ที่ต้องคุมทีม หรือ สมัครงานในตำแหน่งที่ต้องใช้โปรแกรม A เป็นหลักในขณะที่คุณถนัดใช้โปรแกรม Z ที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถต่อยอด ฟังก์ชั่นการทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง โอกาสที่จะถูกเรียกสัมภาษณ์ก็แทบจะเป็นศูนย์ คุณควรอ่านรายละเอียดในประกาศรับสมัครงานแล้ววิเคราะห์ เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
- ต้องการคนที่มีประสบการณ์ 5 ปี ในขณะที่คุณมี 3 ปี เท่ากับว่าคุณมีประสบการณ์กว่า 60% เปอร์เซ็นต์ของที่บริษัทต้องการ (เกินครึ่งก็ถือว่าดี แต่ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งได้เปรียบ)
- ต้องการทักษะด้าน X คลุกคลีมานานกว่า 2 ปี โดยคุณพอรู้ X คร่าวๆ บ้าง แต่ใช้ Y เสียมากกว่าซึ่งความรู้สามารถต่อยอดถึงกันได้เพราะมีความแตกต่างเล็กน้อย
คุณไม่จำเป็นต้องสมัครงาน เฉพาะที่คุณมีสมบัติครบถ้วน 100% เสมอไป
มีคุณสมบัติอะไรมานำเสนอ
หากคุณไม่มีคุณสมบัติที่พวกเขามองหาตรงๆ ลองใช้เวลาไตร่ตรองถึงคุณสมบัติอื่นที่คุณสามารถทำได้ดี จุดแข็งของคุณที่จะเป็นตัวชูโรง ทำให้โปรไฟล์ดูน่าสนใจ อย่างพวก Soft-skills ที่จำเป็นต่อการทำงานในตำแหน่งนั้น เป็นต้นว่า สมัครงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับของทางโรงแรม โดยคุณเคยทำงานเป็นผู้ประสานงานฝ่ายขาย คุณอาจไฮไลท์ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสารกับลูกค้า ที่จะช่วยให้คุณทำงานในตำแหน่งใหม่ได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้คนที่มีประสบการณ์ตรง
นอกจากนี้ คุณควรใช้ Cover Letter ประกอบการเขียนอีเมล์สมัครงานให้เป็นประโยชน์ นำเสนอทักษะที่คุณมั่นใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานใหม่อย่างไร อย่าลืมเน้นย้ำความสนใจในตำแหน่งงานเป็นการบอกให้ HR รู้ว่าคุณไม่ได้สมัครผิด คุณตั้งใจที่จะสมัครงานในตำแหน่งนี้ด้วยความมั่นใจว่าจะทำได้
พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่
อย่าเป็นน้ำเต็มแก้วที่ไม่เปิดรับอะไรอีกแล้วในชีวิต ยิ่งเป็นการสมัครงานที่คุณ ‘ขาด’ ด้วยแล้ว ทัศนคติจะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพิจารณารับเข้าทำงาน เพราะโลกเต็มไปด้วยการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด แสดงให้พวกเขาเห็นไปเลยว่าคุณไม่หยุดพัฒนาตัวเองและสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยการขวนขวายความรู้ใส่ตัว Job Description ในประกาศรับสมัครงานก็เป็นเหมือนแผนที่แสดงทิศทางที่คุณจะเริ่มเดินไปยังจุดมุ่งหมายใหม่ คุณรู้ว่าตัวเองขาดอะไร ทักษะด้านไหนที่ต้องเร่งเติมให้เต็ม ความสามารถอะไรที่ฝึกให้แกร่ง โดยเริ่มเรียนในสิ่งที่ตัวเองขาดทันทีหลังส่งใบสมัคร เป็นประโยชน์หากถูกเรียกสัมภาษณ์ คุณก็จะพูดได้ว่าคุณไม่ได้มีความรู้ด้านนั้นเป็นศูนย์ซะทีเดียว
ใช้ภาพลักษณ์ของบริษัทที่เคยทำมาให้เป็นประโยชน์
ในการสมัครงานครั้งก่อนๆ คุณอาจใช้ keyword ที่ปรากฏบนรายละเอียดงานมาใส่ในเรซูเม่เพื่อดึงสายตาให้ HR อ่านโปรไฟล์ของคุณได้ แต่กับการสมัครงานครั้งนี้จะต่างออกไป หาดคุณไม่มีทักษะที่จะไฮไลท์ ลองเปลี่ยนเป็นการโฆษณาแบรนด์บริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยคนหมู่มาก, มีผลงานโดดเด่นในตลาด, หรือแม้กระทั่งเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับบริษัทที่คุณยื่นใบสมัครอยู่ คุณสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในอุตสาหกรรมเหล่านั้น ต่อยอดในบริษัทนี้ได้อย่างไร เรียกว่าขายทุกจุด ขุดทุกอย่างที่มีมานำเสนอ โน้มน้าวใจให้พวกเขามองเห็น
ใช้ประโยชน์จากคอนเนคชั่น
อย่างที่ทราบกันดีว่า Connection มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทันทีที่เห็นประกาศรับสมัครงาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคนรู้จักทำงานอยู่ในบริษัทนั้นหรือเปล่า เนื่องจาก ‘คนใน’ จะเป็นบุคคลอ้างอิงที่ดีที่สุดให้กับคุณ ตามหลักจิตวิทยาที่เรามักจะเชื่อใจคนที่อยู่ในวงสังคมเดียวกันมากกว่าคนแปลกหน้า แถมพวกเขายังสามารถเป็นแมสเซนเจอร์ส่งใบสมัครให้คุณได้ซึ่งถ้า HR มีคำถามอะไรก็อำนวยความสะดวกตอบคำถามหรือตามเอกสารเพิ่มเติมให้ได้ทันที
แต่ถ้าคุณไม่รู้จักใครเลย ควรใช้แพลตฟอร์มธุรกิจ LinkedIn ให้เกิดประโยชน์ ส่งคำขอเชื่อมต่อคอนเนคชั่นไปยังผู้ที่ดูแลตำแหน่งงานนั้น ทั้งฝ่ายบุคคล ทั้ง Hiring Manager ที่กำลังมองหาบุคลากรไปร่วมทีม คุณอาจส่งข้อความไปแนะนำตัวพร้อมกับแนบเรซูเม่ตรงๆ หรือโพสต์หางานให้พวกเขาเห็นและติดต่อกลับก็ได้
อย่าโกหก
จำไว้เสมอว่าคำโกหกไม่เคยเป็นผลดี ในยุคที่ทุกอย่างออนไลน์เต็มรูปแบบ การสืบเสาะหาความจริงนั้นง่ายกว่าสมัยก่อนมาก อย่าปรับแต่งเรซูเม่ให้ดูเวอร์เกินจริง ใส่ทักษะคุณไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงเพราะจะถูกเรียกสัมภาษณ์ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดีว่าถูกหลอก เสียชื่อ หรือถ้าเหตุการณ์เลยเถิดสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างก็เสี่ยงติดคุกติดตะรางไปอีก ความจริงใจเท่านั้นจะเอาชนะในคนได้ในระยะยาว
ที่มา : TheMuse, Fastcompany, Heather Huhman
Jitkarn Sakrueangrit
Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist
คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้
แจก 5 เว็บไซต์ทำเรซูเม่ออนไลน์ฟรี
ใครว่าทำเรซูเม่เป็นเรื่องยาก? ด้วย 5 เว็บไซต์ตัวช่วยในการทำเรซูเม่ออนไลน์ ที่รวมเทมเพลตเรซูเม่ ดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญโหลดฟรี ลองเลย
ยื่นใบสมัครแล้วเงียบ หรือเรซูเม่ของคุณไม่รองรับระบบ ATS
มั่นใจว่าเรซูเม่ปังปุริเย่เหนือใคร แต่กลายเป็นว่าไม่มีที่ไหนเรียกไปสัมภาษณ์เลย บางทีเรซูเม่ของคุณไม่รองรับระบบ ATS ติดตามผู้สมัครอยู่