เขียนเรซูเม่อย่างไรดี…ถ้าว่างงานมานานเป็นปี
ปัญหาหนักใจของใครหลายคนที่ตกงานเกือบปี จนประวัติงานเสีย เป็นช่องโหว่ในเรซูเม่ที่นอกจากจะดูไม่สวยงามแล้วยังสร้างความยากลำบากในการสมัครงานใหม่อีกด้วย ยิ่งได้รับผลกระทบจากโควิดที่ทำให้หลายบริษัทปิดตัว ตลาดแรงงานชะลอการรับพนักงานใหม่ ก็ยิ่งทำให้ช่องว่างของการว่างงานขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
เช็คลิสต์ คุณกำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า
❌ ใส่แค่ปีกว้างๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุว่าว่างงานมานาน
❌ เขียนเหตุผลเว่อร์วังจนทำให้ HR จับไต๋ได้ว่าไม่เป็นความจริง
❌ จริงใจเกิน ระบุทุกช่วงเวลาที่ว่างงานตั้งแต่หลายปีที่แล้ว
❌ เลือกไม่ใส่มันลงไปเลยตั้งแต่แรกเป็นการตัดปัญหา
หากคุณเป็นหนึ่งในพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหรือถูกพักงานเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อย่าเพิ่งสิ้นหวังหมดกำลังใจ การตกงานไม่ใช่จุดจบของชีวิต ลองใช้เทคนิคต่อไปนี้เพื่อพลิกสถานการณ์จากร้ายให้กลายเป็นดีกันเถอะ
เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ
1. ซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ปกปิดข้อมูล
อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ กลัวว่า HR จะปัดใบสมัครของคุณทิ้งหากใส่ข้อมูลว่าคุณว่างงานด้วยเหตุผลใด เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนจะว่างงานในยุคนี้ การเลือกที่จะไม่ใส่ก็เท่ากับว่าคุณกำลังพยายามปกปิดข้อมูลบางอย่าง ทำให้พวกเขายิ่งอยากรู้ว่าคุณหายไปไหน หรือแม้กระทั่งทึกทักเอาเองต่างๆ นานาว่าคุณอาจทำอะไรไม่ดีเอาไว้ก็เป็นได้ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องระบุข้อมูลกำกับไว้ด้วยในเรซูเม่ โดยเหตุผลหลักๆ ที่นิยมใช้กัน มีน้ำหนักมากพอที่จะซื้อใจฝ่ายบุคคลอีกครั้งคือ…
- บริษัทปรับโครงสร้าง : เหตุผลตกงานยอดฮิตช่วงโควิดระบาด ด้วยสถานการณ์การเงินที่ไปต่อไม่ไหว ทำให้ทางเลือกการปลดพนักงานออกเป็นเรื่องเข้าใจได้ การตกงานแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่เก่งพอจนถูกตัดออกแต่เป็นปัจจัยภายนอกมากกว่า
- ทำธุรกิจส่วนตัวแล้วไม่รอด : คุณออกไปตามความฝันเป็นนายจ้างตัวเอง แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ธุรกิจไปต่อไม่ได้ การกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้งเป็นเรื่องยอมรับได้ ด้วยประสบการณ์ที่คุณสั่งสมมาในอดีตซึ่งหาไม่ได้จากงานออฟฟิศ สามารถนำกลับมาต่อยอดได้นั่นเอง
- ปัญหาด้านครอบครัว : เนื่องจากครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบ การลาออกไปเคลียร์ปัญหาครอบครัว จัดการธุระสำคัญต่างๆ หรืออาจรวมถึงเข้าไปช่วยพยุงกิจการครอบครัวเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
- ค้นหาตัวเอง : เมื่อการเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้ตอบโจทย์ด้านการใช้ชีวิตของคุณครบทุกด้าน คุณอาจลองออกไป ‘ใช้ชีวิต’ ดูบ้าง อาจเป็นการลาออกเพื่อไปท่องเที่ยวรอบโลกสักหลายเดือน เหมือนเป็นช่วง Gap Year ที่ชาวตะวันตกทำกันจนเป็นเรื่องปกติ หรือแม้กระทั่งออกมาทุ่มเวลาเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่อความก้าวหน้าในสายงาน
- การเจ็บป่วย : เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ หากวันหนึ่ง อาการย่ำแย่จนส่งผลกระทบต่อการทำงาน การที่คุณลาออกเพื่อมาพักรักษาตัว รวมถึงดูแลพ่อแม่ที่ป่วยที่บ้านเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ด้วยความรับผิดชอบนี้ HR จะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
2. อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง
วิธีการรับมือที่ดีที่สุด คือ พยายามไม่ให้มีช่องว่างการว่างงานนี้เสียตั้งแต่ทีแรก มันอาจจะฟังดูพิลึกถ้าจะบอกว่าคุณสามารถลดช่องว่างของการว่างงานนี้ลงได้ด้วยตัวเอง! อย่าปล่อยให้ตัวเองว่างและปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ กลายเป็นคนว่างงานโดยสมบูรณ์ซึ่งรังแต่จะทำให้คุณดูสิ้นหวังและไร้คุณค่า เริ่มต้นมองหางานอดิเรก สิ่งที่ชอบ งานพาร์ทไทม์ หรืองานฟรีแลนซ์ทำ อย่างน้อยคุณจะได้มี ‘อะไร’ จะพูดในตอนสัมภาษณ์งานบ้าง ยิ่งถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเป็นการลับคมมีดทักษะความสามารถของคุณแล้ว ยิ่งจะทำให้พวกเขาตัดสินใจรับคุณเข้าทำงานได้ง่ายขึ้น
ทางเลือกที่หลายคนนิยมใช้กันในช่วงโควิด คือ การเรียนออนไลน์เพิ่มเติม แม้คุณไม่มีงานประจำทำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคุณต้องหยุดอยู่กับที่ไปด้วย คุณเลือกใช้เวลาไปกับการซุ่มพัฒนาฝีมือตนเอง รวมถึงการพิจารณาจุดยืนของตัวเองอย่างถ่องแท้ (Self-Inventory) ประเมินสิ่งที่คุณมี จุดแข็ง และจุดอ่อน หรือสิ่งที่คุณขาด นำไปสู่การสร้างโอกาสการงานในอนาคต แค่ฟังดูก็รู้สึกได้ถึงความฮึกเหิม ถ้าคุณทำมันจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเลยว่าจะหางานยากเพราะว่างงานมานาน
3. เขียน Cover Letter ให้รองรับ
แทนที่จะเสียพื้นที่บนเรซูเม่ไปกับการอธิบาย บางทีคุณอาจใช้ จดหมายสมัครงานทีถูกใช้เขียนปะหน้าส่งไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ ในอีเมล์ อธิบายถึงเหตุผลการว่างงานของตัวเอง เพราะมันมีพื้นที่มากกว่า ซึ่งหมายถึงโอกาสที่มากกว่าใส่รายละเอียด โดยวิธีการที่มักใช้กันก็คือ การเขียนอย่างตรงไปตรงมาแต่ใจความกระชับ โดยเฉพาะถ้าหากคุณมีการเปลี่ยนสายงานด้วยแล้ว พื้นที่ตรงนี้ก็เหมือนกับเวทีที่ให้คุณแสดงความคิดเห็น โชว์สิ่งที่คุณมีที่สามารถต่อยอดได้ในตำแหน่งงานใหม่นี้เอง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะอ่าน Cover Letter ดังนั้นการใส่ข้อมูลสั้นๆ ลงบนเรซูเม่ รวมถึงการเตรียมตัวตอบคำถามนี้ในช่วงการสัมภาษณ์งานยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่เสมอ
🔗 อ่านเพิ่ม ว่างงานมานานเป็นปี เตรียมสัมภาษณ์งานยังไงดีให้เวิร์ค
ตัวอย่างเหตุการณ์ :
ในช่วงระหว่างว่างงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงตอนนี้ (กันยายน) ผมมีโอกาสได้ไปเป็นอาสาสมัครในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งมันทำให้ผมเล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบการจัดการต่างๆ เพราะถ้าหากการวางแผนของคุณไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ทุกวินาทีที่เสียไปอาจแลกมากับชีวิตของใครคนหนึ่ง การทำงานภายใต้แรงกดดันมหาศาลและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดมันทำให้ผมต้องใช้วิสัยทัศน์สร้างแผนสำรองหลายแผนเพื่อครอบคลุมกับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ และตอนนี้ผมพร้อมที่จะกลับมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการโครงการอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่าเดิม
4. เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ
รูปแบบ A : เรียงตามลำดับเหตุการณ์
ในกรณีที่ไม่ได้มีช่องว่างของการทำงานหลายรอบ คุณอาจพิจารณาการเขียนแบบที่นิยมใช้การคือการเรียงตามลำดับเหตุการณ์แบบปกติ (Chronological Order) โดยเรียงลำดับจากเหตุการณ์ล่าสุดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้า ให้เน้นรายละเอียดตรงประสบการณ์การทำงานเหมือนเดิม แต่เมื่อถึงช่วงระหว่างว่างงานให้ระบุเหตุผลเพียงสั้นๆ กระชับได้ใจความ ความยาวเพียง 1-2 บรรทัด
มีนาคม 2019 – มิถุนายน 2021
ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากพักรักษาตัวด้วยกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือน ดิฉันกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง
คุณจำเป็นต้องซื่อสัตย์ก็จริง แต่การที่คุณใส่ทุกช่วงว่างของการว่างงานลงไปในเรซูเม่ เช่น การข้อมูลการว่างงานตั้งแต่ 6-7 ปีที่แล้วจะยิ่งทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น เลือกใส่เฉพาะเหตุการณ์ปัจจุบัน 1-3 ปี แต่ยังคงต้องอธิบายในขั้นตอนการสัมภาษณ์หากผู้สัมภาษณ์ถามถึง ในขณะที่การว่างงานเพียงไม่กี่เดือน การให้เหตุผลว่า อยู่ในช่วงหางาน ก็เพียงพอแล้ว
รูปแบบ B : แบบผสมผสาน Hybrid
ในกรณีที่คุณไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอ และไม่ต้องการให้การว่างงานเป็นจุดสนใจมากเกินไป อาจลองใช้รูปแบบเรซูเม่แบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเรซูเม่แบบเน้นทักษะ (Functional Resume) และแบบเรียงลำดับเหตุการณ์ (Chronological) โดยคุณจะต้องสรุปคุณสมบัติ และลิสต์รายการทักษะความสามารถออกมาเป็นข้อๆ ในครึ่งแรกของเรซูเม่ จากนั้นจึงตามด้วยประวัติการทำงานที่เป็นไทม์ไลน์เหตุการณ์เหมือนเดิม
กล่าวโดยสรุป ก็คือ คำอธิบายการว่างงานของคุณจะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณมีความพร้อมในการกลับมาทำงานหรือไม่ การเลือกที่จะไม่ระบุเหตุผลหรือปิดบังจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากกว่า ในขณะเดียวกันความซื่อสัตย์ของคุณจะช่วยให้พวกเขาเห็นในความจริงใจ โดยคุณอาจเสริมในขั้นตอนการสัมภาษณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพื่อสร้างความมั่นใจให้พวกเขาว่าคุณจะไม่ออกจากงานกลางคัน และอย่าลืมพูดถึงสำเร็จหรือทักษะที่คุณเก็บเกี่ยวในช่วงระหว่างว่างงานเพื่อตอกย้ำความพร้อมในการกลับมาสู่โลกของการทำงานอีกครั้ง
Jitkarn Sakrueangrit
Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist
คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้
แจก 5 เว็บไซต์ทำเรซูเม่ออนไลน์ฟรี
ใครว่าทำเรซูเม่เป็นเรื่องยาก? ด้วย 5 เว็บไซต์ตัวช่วยในการทำเรซูเม่ออนไลน์ ที่รวมเทมเพลตเรซูเม่ ดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญโหลดฟรี ลองเลย
ถูกเลิกจ้างกะทันหัน ทำยังไง ได้เงินชดเชยเท่าไหร่?
เช็คสิทธิที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ ถ้าถูกบริษัทบอกเลิกจ้างกะทันหันในวันที่ใจไม่พร้อม ต้องทำอย่างไร เรียกร้องค่าเสียหายและเงินชดเชยได้เท่าไหร่กันนะ