businessman shake hands businesswoman

สัญญาณดีๆ ที่บอกว่าคุณเจองานที่ ‘ใช่’

เริ่มมองหางานใหม่ แต่กลัวจะเป็นการหนีเสือปะจรเข้ เลือกงานผิดจนพาลต้องย้ายงานอีกรอบ คำถามก็คือ เราจะรู้ได้ไงว่างานไหนใช่หรือไม่ใช่กันแน่นะ?

โลกของการทำงาน ทุกคนเฝ้าตามหางานที่ใช่ เพราะตั้งสมการการทำงานแบบกำปั้นทุบดิน คิดว่างานที่ใช่จะนำมาซึ่ง ‘ความสุข’ ในขณะที่งานที่ไม่ตอบโจทย์มอบความทุกข์ใจให้แทน เราจึงเห็นคนเปลี่ยนงานอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่างานที่ทำอยู่นั้นไม่สามารถเติมเต็มความสุขและความต้องการได้เต็มร้อย อย่างไรก็ตามในขั้นตอนของการหางาน เกิดคำถามขึ้นมาว่า เราสามารถระบุได้ยังไงว่างานที่กำลังสมัครไปนั้น…เป็นงานที่ใช่หรือไม่ เพื่อการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องหากและไม่เสียเวลาหลวมตัวเข้าไปทำงานซึ่งอาจจะสายเกินไป

เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ

คุณตกหลุมรักบริษัทตั้งแต่แรกเห็น

เพียงค้นหาประวัติองค์กร คุณพบว่ามันมีความน่าสนใจและดึงดูดเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นรูปภาพของออฟฟิศ เรื่องเล่าที่น่าประทับใจจากคนรู้จัก รวมไปถึงภาพบรรยากาศการทำงานที่ HR โพสต์เอาไว้ในเฟสบุ๊คเพจ คุณมีความรู้สึกตื่นเต้นและเผลอจินตนาการตัวเองเข้าไปทำงานที่นั่นแล้วแม้ยังไม่ได้สัมภาษณ์เลยด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณถูกเรียกตัวไปในวันสัมภาษณ์จริงๆ คงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเหยียบที่นี่ ประทับใจกับตัวบริษัท ชื่อเสียง โปรดักส์และการบริการ หรือคุณเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นและอยากเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความทรงจำดีๆ ให้กับผู้บริโภคเหมือนอย่างที่คุณประสบมา

ความเชื่อของคุณสอดคล้องกับของบริษัท

ในตอนสัมภาษณ์งาน จากการที่คุณมีโอกาสได้พูดคุยและทำความรู้จักกับผู้สัมภาษณ์ คุณมีความรู้สึกว่า ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงทัศนคติของผู้สัมภาษณ์นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับคุณ ราวกับว่ามี DNA ที่เหมือนกัน เป็น ‘ครอบครัวเดียวกัน’ เช่น คุณคิดว่าทรัพยากรมนุษย์คือส่วนที่สำคัญที่สุดในการพาให้องค์กรหนึ่งประสบความสำเร็จ ก้าวแรกที่คุณย่างกรายเข้ามาในบริษัทนี้ คุณพบป้ายพนักงานดีเด่น รูปกิจกรรม outing ของบริษัท การเทรนอบรมพนักงานติดอยู่ตามทางเดินเต็มไปหมด โดยจากการพูดคุยกับ HR ก็พบกว่าพวกเขาก็คิดแบบเดียวกัน จึงมีกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรและ โปรแกรม Recognition ที่ส่งเสริมให้พนักงานที่ทำดีมาตลอดได้รับการชื่นชม

รายละเอียดงานตรงกับความสามารถ

ปกติแล้วในขั้นตอนการสมัครงาน สิ่งแรกที่คุณจะอ่านคือ Job Description ซึ่งพอกวาดสายตาดูแล้ว คุณรู้สึกว่ารายละเอียดงานนี้เหมือนเขียนมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ความต้องการในแต่ละข้อไม่ได้ทำให้คุณเป็นกังวลใจ ตรงกันข้ามคุณรู้สึกว่าจะสามารถใช้ทักษะที่มีได้อย่างเต็มที่ รู้สึกถึงความมั่นใจในศักยภาพของตัวเองแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับมองว่า Requirements บางข้อที่คุณยังไม่เคยลองไม่ได้เป็นปัญหาแต่คือความท้าทายที่กำลังจะเข้ามาทดสอบตัวคุณด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ มันยังปลุกพาสชั่นด้านการทำงานออกมาขั้นสุด คุณแทบรอที่จะสร้าง initiative หรือโปรเจคใหม่ๆ ไม่ไหว โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่ แต่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร (Ownership) จึงอยากเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และมอบสิ่งดีๆ ให้ เพราะคุณเองก็ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เรียกได้ว่าเป็น win-win situation เลยทีเดียว

ตื่นเต้นที่จะบอกคนรอบตัวเกี่ยวกับที่นี่

ใครคนอื่นอาจบ่นกับคนรอบตัวเรื่องงาน ขิงกันว่าที่ทำงานของใครห่วยที่สุด แต่ไม่ใช่กับคุณเด็ดขาด คุณมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร แม้แต่การได้รับสายจาก HR ที่โทรเข้ามาเรียกตัวไปสัมภาษณ์ คุณเต็มใจที่จะแชร์เรื่องราวขั้นตอนการสัมภาษณ์ให้กับเพื่อนๆ ให้ได้รู้ทุกความเป็นไปอย่างไม่อายใคร นี่คือสัญญาณดีๆ ว่าคุณมีทัศนคติเชิงบวกกับที่นี่อย่างแท้จริง และแน่นอนว่าหากคุณได้เข้าไปทำงานจะต้องเป็นพนักงานที่มีความสุขอย่างแน่นอน คุณพร้อมที่จะประกาศให้โลกรู้ว่าทำงานที่ไหน โดยการอัพเดทสเตตัสนายจ้างบนลิงค์อิน เฟสบุ๊ค ตั้งแต่วันแรกของการทำงานเลยทีเดียว

เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

จริงอยู่ที่ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยการทำมาหากิน และเงินกลายเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ของการมีชีวิตอยู่ แต่คุณกลับไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น คุณคิดว่าค่าตอบแทนที่ได้รับมันคุ้มค่า ตรงตามความต้องการหรือเป็นไปตามกลไกราคาตลาด โดยไม่รู้สึกถูกเอาเปรียบจากนายจ้างเลยจนแทบจะไม่เกิดการต่อรองเงินเดือนเกิดขึ้นในช่วงระหว่างการสัมภาษณ์งาน นั่นเป็นสัญญาณว่า คุณให้คุณค่ากับเวลาและทักษะความสามารถที่จะลับคมมีดจากที่นี่มากกว่าเงินตรา

เห็นภาพตัวเองในอนาคตชัดเจน

คำถามสัมภาษณ์งานเบสิกอย่าง “คุณตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างไร” ไม่จำเป็นต้อง fake อีกต่อไป เพราะคุณมองเห็น career path ตัวเองชัดเจนในการทำงานที่นี่ หรือมีเป้าหมายที่ไม่ใช่การทำงานไปวันๆ เป็นหนูติดจั่น เข้างาน 9 โมงเลิก 6 โมงเย็น แต่เป็นการทำงานอย่างมีความสุขในแต่ละวัน เติบโตไปพร้อมกับบริษัทและหวังว่าสักวันจะถูกปรับตำแหน่งสูงยิ่งๆ ขึ้นไป ได้ทำโปรเจคที่สำคัญในองค์กร คุณไม่ได้มองว่ามันเป็นความเสี่ยง แต่มองว่า มันเป็นโอกาสที่ดีในความก้าวหน้าของตัวเอง

ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถแน่ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่างานไหนใช่ งานไหนไม่ใช่ ตราบใดที่คุณยังไม่เคยลองได้เข้าไปสัมผัสกับสิ่งนั้นจริงๆ หรือแค่ฟังจากปากของคนอื่นมา เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เราอยากให้คุณลองเปิดใจ เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะบังคับให้ทุกสิ่งถูกใจเราไปหมด ไม่มีที่ไหนเพอเฟ็กต์ คุณต้องอยู่กับความเป็นจริงบ้าง ไม่เลือกงานไม่ยากจน ส่วนใครที่ทำงานประจำอย่าเพิ่งคิดลาออกจากงานเพียงแค่เรื่องขี้ประติ๋ว เช็คเลย 🔗 6 สัญญาณ ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนงานแล้ว

ที่มา : Huffspot, TheBalanceCareers, Indeed

แชร์บทความ :
Jitkarn Sakrueangrit

Jitkarn Sakrueangrit

Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist

คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้

ทำ QR Code แบบเจ๋งๆ ใส่ในเรซูเม่กันเถอะ by Find Your Job

ทำ QR Code แบบเจ๋งๆ ใส่ในเรซูเม่กันเถอะ

พอทีกันทีกับนามบัตรสุดเห่ย นี่คือยุคทองของ QR Code ที่สามารถแชร์ข้อมูลติดต่อแบบนามบัตร Vcard แสกนปุ๊บบันทึกลงในโทรศัพท์ปั๊บ ง่ายแค่เนี้ยะ!

อ่านเลย »
วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน ฉบับ Creative Resume

วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน ฉบับ Creative Resume

สมรภูมิการหางานที่เข้มข้นทำให้ HR ต้องอ่านเรซูเม่กว่าร้อยใบในแต่ละวัน ป้องกันไม่ให้ใบสมัครเราถูกเขี่ยทิ้งใน 5 วินาที ด้วยการเขียนเรซูเม่สมัครงานแบบครีเอทีฟสิ

อ่านเลย »

คุณรับทราบและยินยอมว่า การใช้งานเว็บไซต์นี้มีการเก็บข้อมูลคุ๊กกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ในการใช้บริการ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม