วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน ฉบับ Creative Resume
Creative Resume คืออะไร?
ครีเอทีฟเรซูเม่ คือ ประวัติส่วนตัวที่ปรับปรุงจากแบบฉบับเดิมที่แสนน่าเบื่อ ให้ดูมีสีสันและการนำเสนอที่น่าสนใจเตะตาฝ่ายบุคคลได้ง่ายขึ้น เสมือนร้านกาแฟในปัจจุบันที่ไม่เพียงแต่แข่งรสชาติของกาแฟ (ประสบการณ์) แต่รวมถึงไอเดียที่ทำให้ร้านแตกต่างจากเจ้าอื่น (ความคิดสร้างสรรค์)
Creative Resume เหมาะกับใคร?
ถ้าลองส่งใบสมัครด้วยเรซูเม่รูปแบบเรียบๆ แล้วไม่ได้ผล นี่อาจเป็นสัญญาณว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะกับการสมัครงานกับบริษัท Startup ที่มีคนยุคใหม่ วัฒนธรรมองค์กรใหม่ซึ่งให้คุณค่ากับการแสดงศักยภาพและความเป็นตัวเอง
วิธีการเขียนเรซูเม่สมัครงาน ฉบับ Creative Resume
ส่วนที่ 1 คุณชื่ออะไร
ส่วนนี้อนุญาติให้ใส่รูปที่ ‘ไม่ต้องเป็นทางการแต่ยังดูมืออาชีพ (Business casual)’ คือ ลืมรูปถ่ายติดบัตรหน้าตรงไปได้เลยเพราะพื้นนี้มีแต่แกรนด์! เปิดตัวด้วยรูปที่เป็นธรรมชาติ เหมือนถ่ายหน้าปกนิตยสารในคอนเซ็ปต์ น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่น ด้วยสูทเท่ๆ โพสต์ถ้าเก๋ๆให้ความรู้สึกว่าเรา ‘เก่ง’ มาก อย่าลืมเขียนชื่อนามสกุลและทิ้งท้ายด้วยตำแหน่งงานล่าสุดหรือมั่นใจที่สุด
ส่วนที่ 2 คุณคือใคร
2.1 ระบุข้อมูลส่วนตัว อย่าง วันเดือนปีเกิด เพราะบางบริษัทจำกัดช่วงอายุในตำแหน่งงานที่สมัคร หรือหากเป็นโรงงานก็อาจเพิ่ม ส่วนสูงและน้ำหนัก เพื่อประกอบการพิจารณา
2.2 ข้อมูลติดต่อ นอกจากนี้หากฝ่ายบุคคลสนใจเขาจะสามารถติดต่อเราได้จากช่องทางใดบ้างก็ให้ใส่ตรงส่วนนี้ทั้งหมด เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศํพท์ อีเมล์หรือเว็บไซต์ส่วนตัว
ส่วนที่ 3 คุณเชี่ยวชาญด้านไหน
พื้นที่ตรงนี้มีไว้ให้โฆษณา ทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน เท่านั้น โดยเราอาจปรับแต่งใส่คีย์เวิร์ดที่ถูกระบุไว้ในโฆษณาประกาศหางาน เป็นต้นว่า HR มองหาคนที่สามารถใช้ Photoshop ได้ ตรงนี้ก็ควรมีทักษะนี้หรือที่เกี่ยวข้องให้เห็นชัดๆ กันไปเลย
ส่วนที่ 4 แนะนำตัวแบบสั้นๆ
มันคือการเขียนเรซูเม่แบบย่อจนเหลือเพียงย่อหน้าเดียว! ถ้าฝ่ายบุคคลเกิดขี้เกียจอ่าน ย่อหน้านี้ต้องครอบคลุมทั้งหมด คุณเป็นใคร คุณเก่งอะไร ผ่านงานหรือมีผลงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครอย่างไร เทคนิคก็คือ กฏ 5 วินาที ลองหยิบขึ้นมาอ่านด้วยตัวเองหรือให้เพื่อนช่วยอ่านโดยมีเวลาแค่ 5 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าเพื่อน…
✅ รู้ว่าเราเชี่ยวชาญทางด้านไหน
✅ จดจำคีย์เวิร์ดหลักๆ ที่จำเป็นในตำแหน่งนี้ได้แสดงว่าสอบผ่าน
ส่วนที่ 5 คุณทำอะไรมาบ้าง
เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ สำคัญที่สุด ในเรซูเม่เลยก็ว่าได้ เพราะ HR จะโฟกัสที่ส่วนนี้เป็นลำดับแรก! โปรดจำให้ขึ้นใจว่า ไทม์ไลน์ต้องเรียงจากล่าสุดไปยังอดีตเสมอ – เหมือนการเรียงตัวของโพสต์บนเฟสบุ๊ค
✅ ให้ระบุชื่อบริษัทและตำแหน่งงานล่าสุดโดยมีวันเวลากำกับเสมอ
✅ หน้าที่การทำงานในแต่ละวันอย่างละเอียด
* ถ้าไม่มีผลงานหรือโปรเจคในส่วนที่ 6 อาจเพิ่มบรรทัดสรุปในตอนท้ายของแต่ละตำแหน่งงาน เกี่ยวกับทักษะความสามารถและโปรแกรมเฉพาะด้านอย่างชัดเจน
ส่วนที่ 6 คุณประสบความสำเร็จอะไร
ส่วนนี้เป็นส่วนที่แตกขยายมาจากประวัติการทำงาน ซึ่งเราต้องการดึงเอาโครงการเด่นๆ มาเน้นย้ำและเพิ่มน้ำหนักให้กับโปรไฟล์นั่นเอง สิ่งสำคัญก็คือการอธิบายกระบวนการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม คุณมีหน้าที่หรือมีส่วนช่วยให้โปรเจคสำเร็จอย่างไร หากมีตัวเลขหรือผลการปฏิบัติงานประกอบจะยิ่งทำให้ดูน่าสนใจ
ส่วนที่ 7 ประวัติการศึกษา
ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยนั้น ยังยึดติดและให้คุณค่ากับระดับการศึกษาอยู่ แต่ไม่จำเป็นที่จะหยิบยกเอาประวัติการศึกษามาตั้งแต่ชั้นอนุบาลเพราะมันไม่จำเป็นเลย! เพราะปัจจุบันฝ่ายบุคคลต้องการบุคลากรที่จบปริญญาตรีขึ้นไปเสียเป็นส่วนใหญ่ (ถ้าคุณยังไม่ได้ปริญญาบัตร สามารถระบุระดับการศึกษาสูงสุดแทน)
ความสวยงาม อ่านง่าย สบายตาเป็นหัวใจหลักของการนำเสนอประวัติการทำงาน ฉบับ Creative Resume แต่อย่าลืมว่าอะไรที่มัน ‘มากเกินไป’ มักจะให้ผลลัพธ์ในทิศทางตรงกันข้าม ดังนั้น พึงระลึกไว้เสมอว่า เรซูเม่ของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน แต่งเติมสีสันแต่พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ขอให้คุณโชคดี
Jitkarn Sakrueangrit
Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist
คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้
เขียนเรซูเม่สำหรับเด็กจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์
เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานเลย เอาอะไรไปเขียนเรซูเม่ให้ดูว่าเก่งเทียบเท่ากับคนที่มีประสบการณ์การทำงานดีนะ?
ยื่นใบสมัครงานไป…แต่ทำไม HR ไม่เรียกไปสัมภาษณ์
สมัครงานไปตั้งหลายที่ ยื่นเรซูเม่ไปตั้งหลายหน แต่ยังไร้วี่แวว ทำไมฝ่ายบุคคลถึงไม่ตอบกลับมาสักที ค้นหาเหตุผลว่าทำไม HR ไม่เรียกคุณไปสัมภาษณ์