วิธีเขียนเรซูเม่แบบเป็นทางการ
เรซูเม่แบบเป็นทางการ คืออะไร?
เรซูเม่แบบเรียบๆ แสดงข้อมูลตามข้อเท็จจริงที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ความจริงจัง และไม่จำเป็นต้องมีการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์แบบ Creative Resume เป็นที่แน่นอนว่าภาษาที่ใช้ในเวอร์ชั่นนี้จะเป็นทางการกว่า จึงต้องระวังการเขียนและต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงประโยคให้ดูสะอาดตา อ่านง่ายแต่คงรายละเอียดเอาไว้
เรซูเม่แบบเป็นทางการ เหมาะกับใคร?
เหมาะกับการสมัครงานบริษัทที่ต้องการ ‘ความวิชาการ’ และ ‘ความเนี้ยบ’ เช่น องค์กรของทางภาครัฐ โรงเรียน หรือองค์กรที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูง
ส่วนที่ 1 หัวเรื่อง
เปิดหัวเรื่องด้วย ชื่อและนามสกุล พร้อมด้วยข้อมูล ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรและอีเมล์ที่สามารถติดต่อได้
ส่วนที่ 2 แนะนำตัว หรือ จุดประสงค์ของเรซูเม่ฉบับนี้
โดยปกติแล้ว ส่วนนี้จะมีเพียงย่อหน้าเดียว ซึ่งเป็นการเขียนเกริ่นนำว่าคุณเป็นใคร เชี่ยวชาญทางด้านอะไร สมัครงานในตำแหน่งไหนและเพราะอะไร (ถ้ามีพื้นที่เหลือก็สามารถเนียนโฆษณาตัวเองโดยการใส่เหตุผลว่าทำไมบริษัทต้องเลือกคุณ)
ส่วนที่ 3 ประวัติการทำงาน
ส่วนสำคัญที่สุดในเรซูเม่คือประวัติการทำงาน โดยต้องเรียงไทม์ไลน์จากที่ทำงาน ล่าสุดย้อนกลับไปเก่าสุด เสมอ โดยส่วนประกอบของแต่ละบริษัทที่เคยทำงานคือ
- ช่วงเวลาของการทำงาน
- ชื่อสถานประกอบการ พร้อมด้วยจังหวัด หรือประเทศที่ตั้งหากเป็นการสมัครงานนอกประเทศ
- ชื่อตำแหน่งล่าสุดและรายละเอียดหน้าที่รับผิดชอบอย่างละเอียด
ส่วนที่ 4 ประวัติการศึกษา
บริษัทส่วนใหญ่มักจะมีใบสมัครงานให้กรอกแยกต่างหากอยู่แล้ว ดังนั้นในส่วนของการศึกษาไม่จำเป็นต้องระบุสถานศึกษาตั้งแต่มัธยม (ในกรณีไม่จบ ป. ตรี สามารถใส่เป็นวุฒิการศึกษาสูงสุด) แต่ให้เริ่มจากปริญญาตรีเป็นต้นไปล่าสุดย้อนกลับไปเก่าสุด
- ช่วงเวลาของปีการศึกษา
- ประเภทของปริญญาบัตร ตามด้วยสถานศึกษาและจังหวัดที่ตั้ง
- เกรดเฉลี่ย (ถ้ามีกิจกรรมเด่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครสามารถระบุเพิ่มเติมได้ในส่วนนี้ เช่น ประธานนักศึกษาที่แสดงทักษะความเป็นผู้นำ เป็นต้น
ส่วนที่ 5 ทักษะความสามารถ
ก่อนเริ่มต้นใส่ข้อมูล ควรกลับไปอ่านรายละเอียดรับสมัครงาน (Job Description) เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดหรือทักษะที่ทางบริษัทต้องการจริงๆ มาใส่เป็นลำดับแรกๆ หลีกเลี่ยงการใส่งานอดิเรกหรือทักษะที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน ทั้งนี้ทั้งนั้น การระบุระดับความสามารถอย่าง ยอดเยี่ยม – Expert, ปานกลาง – Intermediate, เริ่มต้น – Beginner จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การใส่เฉพาะทักษะที่เชี่ยวชาญจริงๆ จะดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการใส่ทักษะหลายข้อแต่เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่ข้อ
ส่วนที่ 6 บุคคลอ้างอิง
การสมัครงานกับบริษัทที่ต้องการความเพอร์เฟ็กต์ควรมีบุคคลอ้างอิงให้พวกเขาสามารถติดต่อไปยังรายชื่อที่คุณระบุไว้ในเรซูเม่ได้ทุกเมื่อ เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏบนเรซูเม่เป็นความจริง รวมถึงประวัติการทำงานที่ไม่ได้ระบุ เช่น การขาด ลา มาสาย Soft-Skills ซึ่งคุณต้องทำความเข้าใจและแจ้งไปยังบุคคลอ้างอิงว่าอาจได้รับการติดต่อจากบริษัทต่างๆ ทุกครั้ง
เรซูเม่ที่ดีไม่ควรมีความยาวหลายหน้าเนื่องจากฝ่ายบุคคลมีเวลาอ่านเพียงน้อยนิด เพื่อความปลอดภัยที่สุดควรมี 2 – 3 หน้า โดยอาจแจ้งในอีเมล์สมัครงานถึงฝ่ายบุคคลว่าหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คุณก็สามารถส่งเวอร์ชั่นเต็มที่ยาวมากกว่า 3 หน้าไปให้ได้
ที่มา : Scholarship.in.th
Jitkarn Sakrueangrit
Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist
คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้
แบบทดสอบบุคลิกภาพ 16 Personalities กับการหางาน
ค้นหางานที่ใช่ ด้วยการทำความเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง งานแบบไหนกันนะที่เหมาะกับบุคลิกภาพแบบเรา เช็คเลย! ด้วยแบบทดสอบบุคลิกภาพ 16 Personalities
รวมแหล่งหางาน สมัครงาน บริษัทชั้นนำในประเทศไทย
ตกงาน ว่างงานอยู่ อยากทำงานแต่ไม่รู้ว่าต้องหาจากที่ไหน เช็คเลย 10 แหล่งหางานชั้นนำในประเทศไทย เตรียมเรซูเม่ให้พร้อมแล้วหย่อนใบสมัครได้เลย!