เตรียมตัวสัมภาษณ์ออนไลน์ วิดีโอคอลผ่าน Zoom/Team ก็เอาอยู่
ในช่วง Work From Home แบบนี้ หลายบริษัทที่ยังต้องดำเนินการสัมภาษณ์ต่อ หันมาเปลี่ยนรูปแบบการสัมภาษณ์เป็นแบบออนไลน์ผ่านวิดีโอคอลกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือประชุมทางไกลยอดฮิตอย่าง Zoom Skype WebEx หรือ Microsoft Team ทำให้เหล่าแคนดิเดตต่างต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เช็คลิสต์ คุณมีความพร้อมในการสัมภาษณ์งานออนไลน์มากแค่ไหน
✅ มีสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
✅ มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง หรือมากพอที่จะทำให้วิดีโอคอลไม่สะดุด
✅ มีพื้นที่หรือห้องส่วนตัวปราศจากเสียงรบกวนภายนอก
✅ มีชุดใส่สัมภาษณ์งาน
สี่ปัจจัยข้างต้นเป็น สิ่งจำเป็น ในการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอล ซึ่งจะขาดข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้ ทันทีที่คุณทราบว่าเป็นการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอล (ไม่ใช่ทางโทรศัพท์) คุณจำเป็นต้องเตรียมเช็คลิสต์เหล่านี้ให้พร้อม เพื่ออำนวยความสะดวกไม่ให้ความฝันที่จะได้ทำงานสะดุดลง นอกจากนี้เทคนิคดังต่อไปนี้ จะช่วยให้การสัมภาษณ์งานของคุณลื่นไหลดูเป็นมืออาชีพไม่ต่างจากการสัมภาษณ์งานแบบ Face to Face เลยทีเดียว
เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ
1. รูปแบบใหม่แต่คอนเซ็ปต์เดิม
แม้จะเป็นการสัมภาษณ์งานผ่านวิดีโอคอล แต่จงจำไว้ว่านี่ยังเป็น การสัมภาษณ์แบบปกติ แค่เปลี่ยนรูปแบบและช่องทางการสื่อสารเท่านั้น ดังนั้นต้องไม่ลืมสร้าง First Impression ด้วยการแต่งกายเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่จึงต้องมีความเป็นมืออาชีพอยู่ถึงแม้จะอยู่ที่บ้านของตัวเองก็ตาม นอกจากนี้ คุณต้องทุ่มเทกับการสื่อสารด้วยภาษากาย (body language) ให้มากกว่าเดิม เพื่อส่งสารไปยังผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่นั่งนิ่ง แข็งเป็นหุ่น แต่จงมองผู้สัมภาษณ์ราวกับพวกเขาอยู่ตรงหน้าของคุณจริงๆ
👉 เคล็ดลับ : การมองกล้องไปตรงๆ แทนการดูที่หน้าจอ จะทำให้ภาพออกมาเหมือนกับว่าคุณกำลังมองผู้สัมภาษณ์ลึกเข้าไปนัยน์ตาจริงๆ แถมยังช่วยลดอาการประหม่า เพราะตอนที่มองกล้องในขณะที่คุณกำลังพูดอยู่นั้น คุณจะไม่รู้สึกกดดันจากสายตาของผู้สัมภาษณ์
2. ตัดสิ่งรบกวนการสัมภาษณ์
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมจะกลายเป็นภาระของคุณแทน ดังนั้นคุณจำเป็นต้องหาห้องเล็กๆ หรือมุมใดมุมหนึ่งของบ้านเพื่อสร้างบรรยากาศการสัมภาษณ์งานที่เงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยงในบ้าน
👉 เคล็ดลับ : ปิดหน้าต่างเพื่อช่วยกลบเสียงดังจากข้างนอกตัวบ้าน พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศแทนการเปิดพัดลมซึ่งจะให้เสียงที่เงียบกว่า เนื่องจากพัดลมจะพัดเอาลมเข้าไปปะทะกับตัวไมโครโฟน ทำให้ปลายสายจะได้ยินเสียงลมอยู่ตลอดเวลา
3. ให้ความสำคัญกับพื้นหลัง
พื้นหลังของบ้านที่ปรากฏในวิดีโอจะสะท้อนความเป็นตัวคุณออกมาโดยไม่รู้ตัว คุณต้องจัดสรรพื้นที่ที่จะปรากฏในกล้องให้มีความสบายตา ของในบ้านถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่โดดเด่นแย่งซีนตัวเอง รวมถึงเก้าอี้ที่นั่ง ไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปจนดูเหมือนคุณพิงเก้าอี้อยู่ตลอด หรือบดบังวิสัยทัศน์ข้างหลังจนหมด
👉 เคล็ดลับ : ถ้าพื้นหลังของบ้านไม่สวยงามน่ามอง คุณสามารถจัดโต๊ะสัมภาษณ์ให้หลังชิดกำแพงให้มากที่สุดเป็นการจำกัดมุมมองของกล้องให้แคบลง ให้มองเห็นแต่สิ่งที่คุณอยากให้เห็นเท่านั้น โดยทางเลือกสุดท้ายที่แนะนำคือการใช้ Virtual Background หรือกราฟิกที่ช่วยปิดพื้นหลังได้ เพราะการทำงานของโปรแกรมที่ไม่เสถียรมากพอ จะให้ภาพที่ดูแย่กว่าเดิม เช่น แขนหาย ทรงผมที่บิดเบี้ยวเพราะมีการเคลื่อนไหวเยอะและระบบไม่สามารถปรับการแสดงผลได้ทัน ส่งผลให้ผู้สัมภาษณ์ถูกดึงความสนใจไปกับหน้าจอแทนคำพูดของคุณโดยปริยาย
4. จัดแสงไฟให้เป๊ะ
จงมั่นใจว่าจุดที่คุณนั่งอยู่นั้นมีแสงไฟส่องถึงและทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นหน้าคุณได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเพ่งสายตามอง ซึ่งปกติแล้วนั้นมักจะเป็นการนั่งให้ตัวเองหันหน้าเข้าหากระจกในมุมที่สว่างที่สุดของบ้าน เรียกว่าเป็นการใช้แสงธรรมชาติให้เกิดประโยชน์
👉 เคล็ดลับ : หาโคมไฟ หรือไฟไลฟ์สดที่เป็นรูปวงแหวน (ถ้ามี) มาเปิดใกล้ๆ เพื่อเพิ่มความสว่างและความสวยงามให้ใบหน้า
5. กล้องต้องชัด
อย่าตกม้าตายด้วยการเตรียมทุกอย่างพร้อมแต่คุณภาพของกล้องไม่ผ่าน ภาพที่ปรากฏจึงไม่เพียงแต่กระตุกแต่ยังให้ความคมชัดไม่ดีพอ ภาพแตก ลายพริ้วไหวเหมือนทีวีสมัยก่อน
👉 เคล็ดลับ : ถ้ากล้องคอมพิวเตอร์ของคุณไม่รองรับการสัมภาษณ์งานที่ต้องใช้ความละเอียดของภาพที่สูง คุณอาจลองมองหากล้องราคาถูกแต่คุณภาพดี ที่ให้ความคมชัดตั้งแต่ 480p ขึ้นไป (ถ้าหา 720p ไม่ได้) มาเป็นอุปกรเสริม
6. ทดสอบอุปกรณ์ก่อนสัมภาษณ์จริง
ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต หูฟัง ไมโครโฟน ระบบเสียง อย่าชะล่าใจว่าคุณเอาอยู่แต่พอถึงหน้างานต้องมาปรับตั้งค่าต่างๆ ใหม่ตั้งแต่ต้น จริงๆ แล้วการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้หูฟัง แต่กรณีที่เป็นการสัมภาษณ์ด้วยภาษาที่คุณไม่คุ้นเคย หรือผู้สัมภาษณ์มีการออกเสียงที่ต่างไปจากที่คุณคาดคิดเอาไว้ คุณจะสามารถหยิบหูฟังมาใช้งานได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากเก็บรายละเอียดเสียงได้ดีกว่า ได้ยินชัดกว่า เพิ่มความมั่นใจในการตอบคำถาม
👉 เคล็ดลับ : คุณอาจขอให้เพื่อนช่วยเป็นผู้สัมภาษณ์เพื่อจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงขึ้นมา จะช่วยให้คุณเข้าใจบริบททั้งหมด เห็นถึงข้อดีข้อเสีย หรือแม้กระทั่งจุดบอดที่คุณเผลอมองข้ามอันสามารถนำไปปรับใช้ให้การสัมภาษณ์ในสนามจริงมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
7. ใช้ Post-it เป็นตัวช่วย
ข้อดีของการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอลคือการที่คุณสามารถเตรียมสคริปต์ไว้ใกล้ตัวได้ ช่วยไม่ให้ข้ามประเด็นสำคัญต่างๆ เวลาตอบคำถาม คุณอาจลิสต์หัวข้อต่างๆ เอาไว้เพื่อเตือนความจำว่าต้องพูดอะไรบ้าง เรียกว่าเป็นตัวช่วยในยามคับขันก็ว่าได้
👉 เคล็ดลับ : ติด Post-it ให้อยู่ในแนวเดียวกันกับกล้องและใกล้กล้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุและดูเป็นธรรมชาติ เหมือนนักข่าวที่อ่านบทในรายการโทรทัศน์
อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์งานยังคงขึ้นอยู่กับเนื้อหาหรือการตอบคำถามของคุณเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นคุณจึงควรทำการฝึกสัมภาษณ์ ฝึกตอบคำถามอย่างมืออาชีพอยู่ดี และเมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว แนวโน้มที่พวกเขาจะตอบรับคุณเข้าทำงานก็จะยิ่งสูงขึ้น เป็นการสร้างโอกาสด้วยตัวคุณเองอย่างแท้จริง
Jitkarn Sakrueangrit
Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist
คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้
ขอลาออกยังไงให้ดูเป็นมืออาชีพ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ในที่สุดก็ต้องแจ้งลาออกกับบริษัทเดิมเพื่อไปตามล่าหาความฝัน ณ บริษัทใหม่ แต่จะขอลาออกยังไงไม่ให้ดูน่าเกลียดดีนะ
โดนรั้งด้วย Counter Offer ควรรับหรือไม่
กำลังทำเรื่องลาออกจากที่ทำงานเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับที่ทำงานใหม่ โดนรั้งด้วย Counter Offer ขึ้นเงินเดือนให้ชุดใหญ่ไฟกระพริบ รับดีมั้ย