ผู้หญิงแต่งตัวไปสัมภาษณ์ยังไง

จะถึงวันสัมภาษณ์งานแล้วแต่ไม่รู้จะแต่งตัวยังไงไปสัมภาษณ์ดี กลัวว่าเสื้อผ้าที่ใส่จะผลต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงานของคณะกรรมการจนอาจไม่ได้งาน

หลายคนให้ความสำคัญกับการสร้าง First Impression หรือความประทับใจแรก เพื่อเป็นการเริ่มต้นการสัมภาษณ์ที่ช่วยเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของผู้สัมภาษณ์ได้ พูดให้เข้าใจง่ายก็คือจะทำให้พวกเขามีความยินดี เปิดใจรับฟังแคนดิเดทมากกว่าปกติ ซึ่งหากต้องเลือกคนที่มีความสามารถเท่าๆ กันแล้ว คนที่ให้ First Impression ได้ดีกว่ามีแนวโน้มจะถูกรับเลือกมากกว่านั่นเอง

เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันสัมภาษณ์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยสร้างความประทับใจแรกได้ชัดที่สุด จึงไม่แปลกที่หลายคนเป็นกังวลว่าควรจะสวมใส่อะไรไปดีเพื่อให้เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดูดีที่สุด พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย!

1) สไตล์นักธุรกิจสาวมั่น มือโปร

ลุคนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ดูเป็นผู้หญิงสตรองพกความมั่นใจมาเต็มร้อยเพื่อชิงตำแหน่งงานในบริษัท โดยไอเทมเด็ดของเธอจะประกอบไปด้วย

เสื้อเชิ้ตคอปกสีอ่อน (ส่วนใหญ่สีขาวจะมาวิน) อาจจะเป็นการใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวเพียวๆ หรือหาสูทสีเข้ม ตัดกับสีเสื้อมาใส่ทับ เพิ่มระดับความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไปอีก
ท่อนล่างเลือกใส่ กางเกงแสล็ค หรือ กระโปรงทรงเอ สีเดียวกับสูท
รองเท้าส้นสูง หรือ รองเท้าคัทชูแบบมีส้น ช่วยเพิ่มความ ‘สง่างาม’ งานนี้เกิดแน่นอน

2) สไตล์สาวสายลุย คล่องแคล่ว

ลุคนี้สำหรับสาวที่ต้องเดินทางบ่อยๆ เช่น เดินทางไปหาลูกค้า จัดงานอีเว้นท์นอกสถานที่ ที่การแต่งตัวแบบสาวออฟฟิศแบบเดิมอาจจะทำให้เงินเดินช้า เธอจะเลือกใส่

เสื้อคอกลม หรือ เสื้อคอวี สีสว่าง คลุมทับด้วย เบลเซอร์ (Blazer) สีเข้มตัดกัน ให้ลุค Business Casual – แบบลำลองแต่คงความเป็นนักธุรกิจอยู่
ท่อนล่างเลือกใส่เป็น กางเกงแสล็คขาวยาว ที่พอดีกับช่วงขา จะนั่ง จะลุก ต้องไม่ลำบากหรือรัดติ้วจนเกินไป เน้นใส่สบายเสริมบุคลิกภาพให้ดูมีความมั่นใจเวลาเดินก็พอ ถ้ากางเกงมีช่องให้ใส่ เข็มเข็ด ก็อย่าปล่อยให้ว่างเชียว
รองเท้าคัทชูส้นเตี้ย หรือ รองเท้าคัทชูแบบไม่มีส้น เติมความทะมัดทะแมง คล่องตัวเวลาเดิน

3) สไตล์สาวเรียบร้อยแบบคุณหนู

ลุคนี้เหมาะสำหรับ

เดรสยาว ตัวเดียวจบแต่ต้องยาวมากพอที่จะไม่เป็นกังวลหรือต้องคอยเอามือปิดเวลานั่ง คอเสื้อไม่เว้าลึกจนเตะตา ไม่ใช่เดรสแขนกุด แขนเสื้อสั้นได้ตามความเหมาะสม ในแบบที่นิยมและ Play Safe ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น เดรสคอปก ที่ให้ความรู้สึกเหมือนสาวออฟฟิศนั่งทำงานในห้องแอร์ จะกี่สัมภาษณ์ก็รอด
รองเท้าส้นสูง หรือ คัทชูส้นเตี้ย ที่แมทช์กับชุด

4) การเลือกเครื่องประดับ

ผู้หญิงกับความสวยย่อมเป็นของคู่กัน เลือกเครื่องประดับที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวจะช่วยเพิ่มมูลค่า ‘ความดูแพง’ ให้กับคุณ ไม่ว่าจะเป็น ตุ้มหู นาฬิกา แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ แต่ใส่ทั้งตัวไม่เกิน 3 อย่างพอ จำไว้ว่า ‘น้อยแต่มาก เรียบแต่หรู ไฮแฟชึ่น’

5) หน้าและผม

เช็ควัฒนธรรมองค์กรที่คุณจะไปสมัคร เพื่อแอบเอาสไตล์การแต่งหน้าและทำผมมาใช้เสมือนว่าคุณได้ไปทำงานที่นั่นแล้ว เพราะการรับเข้าทำงานของฝ่ายบุคคล มักจะดูความเข้ากันได้ (Adaptability) ว่าคุณสามารถเป็นพวกเดียวกันกับเขาได้หรือเปล่า หลักการง่ายๆ ก็คือ ผมต้องเนี้ยบ ถ้ามัดเก็บต้องเรียบเสมอกัน แต่ถ้าต้องปล่อยก็ไม่ฟูฟ่องเหมือนตอนตื่นนอน ส่วนโทนสีการแต่งหน้าก็เอาเวอร์ชั่นที่คุณแต่งแล้วมั่นใจว่าสวย ไม่เข้มเกินไปก็น่าจะเอาอยู่

ข้อควรระวัง

เรายังหนีค่านิยมของสังคมไทยแบบดั้งเดิมไม่ได้ 100% ทำให้การมี รอยสัก เป็นเรื่องผิดในการสมัครงานทั้งที่ไม่ใช่ทุกคนที่มีรอยสักจะทำเรื่องแย่ๆ สักหน่อย ถ้าคุณมีรอยสักในร่มผ้าหรือสามารถซ่อนให้ลับสายตาด้วยเสื้อผ้า คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจเลยตรงส่วนนี้

จริงๆ แล้ว การแต่งกายเพื่อสัมภาษณ์งานในยุคปัจจุบันไม่ได้เน้นความเป็นอนุรักษ์นิยมแบบสมัยก่อน ที่ต้องดูดีทุกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะเหล่าโปรแกรมเมอร์ที่สามารถแต่งตัวแบบ Casual ไปทำงานได้เลย คุณจึงควรดูวัฒนธรรมองค์กรประกอบการเลือกเสื้อผ้าใส่ เรียกได้ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

ขอแค่คุณแต่งออกมาแล้วดูถูกกาลเทศะและดูดีในแบบของตัวเองก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะความรู้ความสามารถในการทำงานต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญในการคัดเลือกคนเข้าทำงาน