10 สัญญาณดีๆ ที่บอกว่าคุณจะได้งานนี้ by Find Your Job

10 สัญญาณดีๆ ที่บอกว่าคุณจะได้งานนี้

เพิ่งจะสัมภาษณ์งานเสร็จไปให้พอมีเวลาได้หายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก็ต้องมาเครียดอีกว่าเขาจะรับเราเข้าทำงานไหม เช็คเลย! สัญญาณที่บอกว่าคุณจะได้งานแน่ๆ

หลังจากการสัมภาษณ์จบลงก็เป็นช่วงเวลาของการลุ้นผลสัมภาษณ์ว่าจะได้งานนี้หรือเปล่า ตั้งคำถามกับตัวเองว่าคุณทำได้ดีพอที่จะเอาชนะใจกรรมการได้ไหม ไปจนถึงการคาดเดาว่าอะไรบ้างที่พวกเขาทำที่ดูแล้วคลับคล้ายคลับคลาว่าจะถูกใจเราหรือเปล่า

โดยเราได้รวบรวมข้อสันนิษฐานที่ใช้เป็นตัวชี้วัด ว่า คุณมีโอกาสถูกจ้างงานสูงหากเห็นสัญญาณเหล่านี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะไม่ได้มีผลการวิจัยเป็นตัวการันตีว่ามีสัญญาณนี้แล้วจะได้งานชัวร์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ (แต่มียิ่งเยอะก็ยิ่งเพิ่มโอกาส)

ความรู้สึกจะเป็นตัวบอกเสมอ

ความรู้สึกหลังการสัมภาษณ์ อย่างเช่น รู้สึกผ่อนคลาย นึกถึงตอนสัมภาษณ์แล้วมีความมั่นใจว่าทำได้ดี รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณเหล่านี้อาจส่งสัญญาณดีๆ ว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ก็มีความรู้สึกเดียวกันและผลการสัมภาษณ์ก็มีแนวโน้มจะไปในทิศทางเดียวกัน

ถูกถามเรื่องเงินเดือนที่คาดว่าจะได้รับ

คำถามทั่วไปอย่างการถามเรื่อง Expected Salary หรือเงินเดือนที่อยากได้ ถูกนับเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บอกว่าคุณจะได้งาน เนื่องจากฝ่ายบุคคลจำเป็นต้องใช้ข้อมูลตรงส่วนนี้ประกอบการพิจารณาว่าจ้างและออกเอกสารการจ้างงานที่รู้จักกันในนามออฟเฟอร์ (Job Offer)

Credit : Pexels.com | Andrea Piacquadio

ถูกถามเรื่องการส่งต่องานและวันเริ่มงาน

บริษัทต่างๆ เข้าใจดีกว่าขั้นตอนการลาออกจากงานค่อนข้างยุ่งยาก แต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน เช่น ต้องแจ้งลาออกล่วงหน้า 30 – 60 วัน หรือสามารถส่งต่องานให้เพื่อนร่วมงานเพื่อมาเริ่มงานในที่ใหม่ได้เร็วขึ้นหรือไม่ โดยในบางครั้ง ถ้าตำแหน่งที่พวกเขากำลังหาอยู่ค่อนข้างเร่งด่วน จำเป็นต้องมีคนทำงานโดยเร็วที่สุด คำถามเกี่ยวกับวันเริ่มงาน จึงใช้เป็นสัญญาณดีๆ ได้

ได้ยินคำว่า ‘เวลาที่..’ แทนคำว่า ‘ถ้าเกิดว่า..’

  • ‘ถ้าเกิดว่าน้องได้เข้ามาทำงาน น้องจะต้อง…’
  • ‘เวลาที่น้องเริ่มงาน น้องจะต้อง…’

สังเกตเห็นความแตกต่างไหมว่าสองประโยคนี้ มีความหมายใกล้เคียงกันแต่ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ถ้าผู้สัมภาษณ์ใช้คำว่า ‘ถ้า’ มากกว่า นั่นหมายความว่า เรายังไม่ได้เข้าไปนั่งในใจของเค้า แต่ในทางกลับกัน ถ้าผู้สัมภาษณ์พูดเสมือนเป็นคำสั่งหรือพูดให้เห็นภาพว่าเราทำงานที่นี่แล้วนั้น เป็นไปได้ว่าเขาเปิดใจรับเรามาก

เวลาในการสัมภาษณ์กินเวลายาวนาน

โดยปกติเวลาที่ใช้ในการสัมภาษณ์งานจะอยู่ที่ 30 – 1 ชั่วโมง แต่ถ้าหากการสัมภาษณ์ดันกินเวลายาวนานกว่านั้น (หรือนานกว่าที่ระบุไว้ในอีเมล์) มีโอกาสสูงมากที่คุณจะได้งานนี้ เนื่องจากเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าเป็นอันดับต้นๆ ในการทำงาน ถ้าเขาไม่ถูกใจคุณ เขาคงไม่อยากเสียเวลามาคุย หรือคงคุยแบบขอไปทีจนทำให้เสร็จเร็วกว่ากำหนด

เริ่มพูดถึงสวัสดิการ

เมื่อ HR เริ่มสาธยายถึงข้อดีของบริษัทรวมไปถึงสวัสดิการพนักงานที่คุณจะได้รับแบบเป็นฉาก ๆ นั่นเป็นสัญญาณว่า เขาให้ความสำคัญกับคุณมาก ไม่งั้นคงไม่เสียเวลาอธิบายยืดยาว และอาจโฆษณาสิ่งต่างๆ ไว้ เพราะกลัวว่าคุณจะเปลี่ยนใจหรือรอไม่ไหว เหมือนเป็นการโยนหินถามทางว่าเรามี A-B-C ด้วยหละ ถ้าคุณมาร่วมงานกับเรา

พาไปชมสถานที่ทำงาน

ผู้สัมภาษณ์พาคุณไปทัวร์รอบๆ ออฟฟิศ ราวกับว่าเป็นวัน Orientation (วันเริ่มงานวันแรก) ไม่ว่าจะเป็นมุมทานข้าว มุมชงกาแฟ ห้องประชุม พื้นที่ออฟฟิศ ฯลฯ เขาดูมีความสุขและเต็มใจที่จะโชว์สถานที่เหล่านี้ให้คุณดู กลายๆ ว่าเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ที่แสนอบอุ่น

ถูกแนะนำให้เพื่อนร่วมงานในทีม

ถัดจากข้อข้างบน ถ้าหากมีการแนะนำตัวคุณให้เพื่อนร่วมงานในทีมอย่างออกหน้าออกตา นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า เขาอยากให้คุณร่วมงานด้วยมากขนาดไหน เพราะการจะแนะนำใครสักคนที่อยู่นอกองค์กรให้ได้รู้จักกับ ‘คนใน’ นั้นเป็นเรื่องยากและเกิดขึ้นได้ไม่บ่อย

ติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิงที่เราให้ไว้

ในกรณีที่คุณให้เบอร์ติดต่อของบุคคลอ้างอิงเอาไว้ ซึ่งมาค้นพบทีหลังว่ามีคนโทรไปหาพวกเขาเพื่อสอบถามถึงพฤติกรรมการทำงาน การขาด ลา มาสาย ของคุณ เชื่อขนมกินได้เลยว่า ใบสมัครของคุณใกล้จะถึงฝั่งฝันเสียเต็มประดา เหลือแค่เช็คข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถออกออฟเฟอร์ให้ได้เลย

อีเมล์ติดตามผลได้รับการตอบแบบรวดเร็ว

หากผ่านไปซักหนึ่งสัปดาห์แล้วคุณมีการอีเมล์หรือโทรไปติดตามผลสัมภาษณ์ การตอบกลับของฝ่ายบุคคลเป็นไปอย่างชัดเจนและเต็มใจที่จะตอบทุกข้อสงสัย (แม้จะยังไม่สามารถแจ้งผลได้อย่างเป็นทางการ) นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่า กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาจริงๆ โดยเฉพาะบริษัทที่มีหลายขั้นตอนและต้องการอำนาจจากเหล่าผู้บริหารหลายท่าน อย่างบริษัทด้านการเงินหรือไฟแนนซ์

ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ ทุกอย่างก็จะยังเหมือนเดิม เพราะในวันนั้น...คุณได้พยายามจนถึงที่สุด และดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากคุณทำเต็มที่ในการสัมภาษณ์งานแล้ว จะได้งานหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าผลลัพธ์ออกมาเป็นเหมือนอย่างที่คาดหวังเอาไว้ เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าไม่ได้งาน ไม่จำเป็นต้องเสียใจเลยว่าเราควรทำแบบนั้น เราควรทำแบบนี้เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่มา : Indeed, Glassdoor, Careersidekick

แชร์บทความ :
Jitkarn Sakrueangrit

Jitkarn Sakrueangrit

Graphic & Web Designer, Content Creator,
Copywriter, Marketing Specialist

คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้

resigning-submitting-letter

เตรียมตัวถูกสัมภาษณ์ Exit Interview ก่อนลาออก

สัมภาษณ์งานที่ใหม่จบนึกว่าจะรอด ยังต้องเตรียมสัมภาษณ์ตอนลาออกกับฝ่ายบุคคลอีกรอบ ดูเหมือนจะง่ายแต่สร้างความลำบากใจให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราไม่น้อย

อ่านเลย »
5 เรื่อง เคลียร์ให้ชัด ก่อนเซ็นสัญญาเริ่มงานใหม่ by Find Your Job

5 เรื่องเคลียร์ให้ชัด ก่อนเซ็นสัญญาเริ่มงานใหม่

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร! เช็คให้ชัวร์ เคลียร์ให้ชัด ก่อนตัดสินใจตกลงทำงานที่ใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง จะได้ไม่พลาดซ้ำสองหนีเสือปะจรเข้

อ่านเลย »

คุณรับทราบและยินยอมว่า การใช้งานเว็บไซต์นี้มีการเก็บข้อมูลคุ๊กกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ในการใช้บริการ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม