How To ปฏิเสธงาน ยังไงไม่ผิดใจและไม่โดนแบล็คลิส

HR โทรมาแจ้งผลการสัมภาษณ์ว่าได้งาน แต่ใจเจ้ากรรมดันไม่อยากได้งานนี้ซะงั้น ใครจะอยากเป็นคนไม่ดีปฏิเสธงานให้เสียชื่อ รับมือยังไงดี?!?

เพิ่งรู้ว่าการปฏิเสธงานนั้นยากพอๆ กับการสัมภาษณ์ เข้าใจความรู้สึกในมุมของ HR แล้วว่าการปฏิเสธแคนดิเดตหลังสัมภาษณ์มันเป็นยังไง คุณอาจได้รับข้อเสนองานหลายอันและงานนี้เป็นหนึ่งในงานที่คุณไม่อยากได้ ครั้นจะบอกไปตรงๆ ก็กลัวจะเสียน้ำใจและความสัมพันธ์อันดีงามที่สร้างมา จะหายไปเฉยๆ ก็ดูเป็นการปฏิเสธที่ไม่มืออาชีพเอาซะเลย

เช็คลิสต์ ยอมรับผลที่อาจเกิดขึ้นหลังปฏิเสธงาน
❌ เปลี่ยนใจกลับมารับข้อเสนอทีหลังไม่ได้
❌ มีผลต่อการสมัครงานกับที่นี่ในอนาคต
❌ มีการต่อรองเงินเดือนเกิดขึ้น (Counter Offer)
❌ อาจมีคำด่าทอจาก HR ที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ

ถ้าคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะปฏิเสธงานนี้แน่ๆ สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ การร่างอีเมล์ไว้ก่อน เสมือนเป็นสคริปต์ที่เอาไว้ใช้ตอนโทรศัพท์ไปแจ้งพวกเขา ซึ่งหลังจากวางสายแล้วก็ควรส่งอีเมล์นั้นตามไปเพื่อเป็นการปฏิเสธอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และนี่คือข้อควรทราบเมื่อคุณจะปฏิเสธงานสักงานหนึ่ง:

อย่ายื้อเวลา

เวลาเป็นสิ่งมีค่า อย่าเสียเวลาทั้งเขาและเราโดยการไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด เพราะการยื้อเวลาผัดวันประกันพรุ่ง ‘เดี๋ยวค่อยแจ้ง’ แล้วกันนั้นสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่คุณคิด หลังจากที่ HR ตัดสินใจว่าจ้างใครคนหนึ่งแล้ว พวกเขามักจะยุติประกาศรับสมัครงานและชะลอกระบวนการสัมภาษณ์ผู้เข้าสมัครท่านอื่นหรือแม้กระทั่งปฏิเสธแคนดิเดตเหล่านั้น เคลียร์ออกจากระบบให้เรียบร้อย ยิ่งคุณรอเวลาปฏิเสธงานเมื่อพร้อม พวกเขายิ่งมีเวลาน้อยลงในการเริ่มกระบวนการหาพนักงานใหม่ โปรดจำให้ขึ้นใจว่ายิ่งแจ้งเร็ว ยิ่งดี!

ต้องไม่หายหน้า

ล้มเลิกความคิดที่ว่า ‘ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด’ ได้แล้ว เพราะมันมีไว้ใช้กับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบเท่านั้น หากคุณพยายามติดต่อใครสักคน โทรหาไม่รู้กี่สาย ส่งอีเมล์มาไม่รู้กี่รอบแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ คงเดาได้ไม่ยากว่าอารมณ์ในตอนนั้นของคุณจะเป็นยังไง การหายไปเฉยๆ โดยที่ไม่บอกกล่าวจะทำให้คุณติดลิสต์รายชื่อ ‘บัญชีดำ’ และอย่างที่รู้กันดีว่าในวงการ HR มันแคบกว่าที่เราคิดไว้มาก พวกเขาอาจติดต่อและส่งข้อมูลถึงกัน ทำให้การสมัครงานที่ใหม่ยากขึ้นอีกเท่าตัว ดังนั้นคุณจึงต้องรับสายทุกครั้ง แสดงความจริงใจไปเลยว่าคุณไม่ได้หนีความรับผิดชอบของตัวเอง ถ้าคุณให้เกียรติพวกเขา พวกเขาก็จะให้เกียรติและเคารพในการตัดสินใจของคุณด้วย

แสดงความขอบคุณ

กว่าจะมาถึงขั้นตอนยื่นข้อเสนองาน (Job Offer) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บริษัทต้องเสียทั้งเงินและเวลาในการตามหาแคนดิเดตที่ใช่ จึงไม่แปลกที่พวกเขาอาจรู้สึกแย่จนพาลโกรธคุณเอาได้ง่ายๆ แต่มีคำวิเศษอยู่คำหนึ่งที่คุณสามารถใช้เป็นน้ำเย็นประคบดับความร้อนนี้ด้วยการกล่าว “ขอบคุณ” ขอบคุณที่บริษัทสละเวลาในการให้คุณมาสัมภาษณ์ ขอบคุณที่พวกเขามองเห็นทักษะความสามารถของคุณ…มากพอที่จะหยิบยื่นโอกาสและสิ่งดีๆ ให้ คุณไม่ได้เป็นคนอกตัญญู มองไม่เห็น ‘ความพยายาม’ ของเหล่า HR และ Hiring Manager ตรงกันข้าม…คุณมองเห็นเบื้องหลังการทำงานของพวกเขาด้วยความเห็นใจ แล้วใครหละจะโกรธคุณต่อไปไหว?

ให้เหตุผลที่ดี ชัดถ้อยชัดคำ

มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างการเป็นคนพูดตรงกับพูดจาหยาบคาย คุณต้องยอมรับก่อนว่าถ้ามีใครที่รู้จักคุณเพียงแค่ผิวเผินเดินมาบอกกับคุณว่าเขาไม่ชอบที่คุณแต่งตัวอย่างนี้ คุณจะรู้สึกลบกับคนนั้นทันที ในทำนองเดียวกัน การปฏิเสธงานด้วยการให้เหตุผลส่วนตัวที่เป็นด้านลบกระทบกับองค์กรนั้นไม่ได้ทำให้ HR รู้สึกดี คุณต้องมีศิลปะในการพูด ปรับถ้อยคำให้ดูน่าฟัง ถนอมน้ำใจพวกเขาเพราะคุณแคร์ความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น

วัฒนธรรมองค์กรไม่ตอบโจทย์ : Thank you so much for the offer for the [Job Title] position. After much thought and careful deliberation, I believe this position is not quite the right fit to my career aspirations.
เงินเดือนน้อยกว่าที่ขอไป : Unfortunately, after further discussion with my prospective manager, the offer doesn’t meet the financial requirements or my current living expenses.
ได้ Job Offer ของที่อื่นที่ดีกว่า : With reluctance, I’m declining since I have accepted a position with another company that is a good match for my current professional goals.

ยังคงรักษาคอนเนคชั่นเอาไว้

การปฏิเสธงานไม่ใช่การปฏิเสธความรักที่แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ยังหยิบยื่นให้กันไม่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องปิดประตูแห่งโอกาสบานนี้ลงในเมื่อคุณสามารถเก็บอีกหนึ่งคอนเนคชั่นดีๆ นี้เอาไว้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวคุณในอนาคต โดยอาจเป็นการเชื่อมต่อผ่านทาง LinkedIn เมื่อมีประกาศรับสมัครงานตำแหน่งที่ดูเหมาะกับเพื่อนที่รู้จัก คุณก็สามารถแนะนำโปรไฟล์ไปให้พวกเขาได้โดยตรง

เข้าใจว่าการปฏิเสธอะไรสักอย่างนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี แต่คุณต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการสมัครงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะปฏิเสธงานที่ไม่ใช่ในวันนี้ก็เพื่อออกตามหางานในฝันของคุณต่อไป